โดนย้ายตำแหน่งงาน ทางเลือกใหม่หรือกดดันให้ลาออก?
การย้ายตำแหน่งงานเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในองค์กร และอาจสร้างคำถามหรือข้อสงสัยให้กับลูกจ้างหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การย้ายตำแหน่งนั้นดูเหมือนจะเป็นการบีบบังคับหรือไม่เป็นธรรม ในบทความนี้ เราจะพิจารณาว่าการย้ายไปทำงานที่ไม่ถนัดนั้น ถือเป็นการบีบให้ลาออก หรือเข้าข่ายการเลิกจ้างหรือไม่ พร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องสำหรับลูกจ้างและนายจ้าง
การย้ายตำแหน่งงานถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างหรือไม่?
การย้ายตำแหน่งหรือเปลี่ยนหน้าที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง และตามกฎหมายแรงงาน นายจ้างไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างได้โดยไม่มีความยินยอมจากลูกจ้าง ยกเว้นกรณีที่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อลูกจ้าง เช่น การเลื่อนตำแหน่งหรือปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้น
หลักเกณฑ์สำคัญที่นายจ้างต้องพิจารณา
- ไม่ลดตำแหน่งงาน: การย้ายตำแหน่งต้องไม่ทำให้ลูกจ้างรู้สึกว่าสถานะการทำงานลดลง เช่น จากหัวหน้าแผนกไปเป็นพนักงานทั่วไป
- ไม่ลดเงินเดือน: เงินเดือนและค่าตอบแทนต้องไม่ถูกปรับลดลง•
- ไม่ลดสวัสดิการ: สิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างได้รับ เช่น ประกันสุขภาพหรือโบนัส ต้องยังคงเหมือนเดิม
หากการย้ายตำแหน่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้างต้น การย้ายดังกล่าวจะไม่ถือเป็นการบีบบังคับให้ลาออก
ที่มา คลินิกกฎหมายแรงงาน
การบีบบังคับให้ลาออกกับการเลิกจ้าง: ความแตกต่าง
ในกรณีที่ลูกจ้างรู้สึกว่าการย้ายตำแหน่งงานเป็นการบีบบังคับให้ลาออก เช่น การให้ทำงานที่ไม่ถนัดหรือไม่มีทักษะเพียงพอ จำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไปนี้
1. การลดสิทธิประโยชน์และตำแหน่ง
หากการย้ายตำแหน่งส่งผลให้เงินเดือน สวัสดิการ หรือตำแหน่งลดลง ถือเป็นการละเมิดสิทธิของลูกจ้าง และอาจเข้าข่ายการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม
2. การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ชอบธรรม
หากไม่มีสัญญาหรือข้อตกลงระบุว่านายจ้างสามารถเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงานได้ การเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งล่วงหน้าหรือไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง อาจเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม
3. การบังคับทางอ้อม
ในบางกรณี นายจ้างอาจใช้วิธีการกดดันทางอ้อม เช่น ย้ายไปทำงานที่ไม่มีความถนัด เพื่อให้ลูกจ้างรู้สึกไม่สะดวกใจและตัดสินใจลาออกเอง การกระทำเช่นนี้อาจถูกมองว่าเป็นการบีบบังคับ และอาจเข้าข่ายการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามกฎหมายแรงงาน
แนวทางปฏิบัติเมื่อลูกจ้างถูกย้ายงาน
คำแนะนำสำหรับลูกจ้าง
1. ศึกษาสัญญาจ้างงาน
ตรวจสอบว่าสัญญาจ้างหรือข้อตกลงการทำงานระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับการย้ายตำแหน่งหรือไม่
2. พูดคุยกับนายจ้าง
หากรู้สึกว่าได้รับผลกระทบจากการย้ายตำแหน่ง ควรพูดคุยเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม
3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หากสถานการณ์ไม่สามารถแก้ไขได้ ควรปรึกษาทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานเพื่อรับคำแนะนำ
คำแนะนำสำหรับนายจ้าง
1. สื่อสารอย่างชัดเจน
แจ้งเหตุผลและเป้าหมายของการย้ายตำแหน่งอย่างโปร่งใส
2. ประเมินความเหมาะสม
พิจารณาความสามารถและทักษะของลูกจ้างเพื่อให้การย้ายตำแหน่งเป็นไปอย่างเหมาะสม
3. ป้องกันข้อพิพาท
สร้างโอกาสให้พนักงานทำงานร่วมกันในโครงการที่หลากหลาย
4. การสนับสนุนวัฒนธรรมการเรียนรู้
ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้น
สรุป
การย้ายตำแหน่งงานที่ไม่ถนัด ไม่ถือเป็นการบีบบังคับให้ลาออก หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดและไม่ได้ลดสิทธิประโยชน์ของลูกจ้าง อย่างไรก็ตาม นายจ้างควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปในทิศทางที่สร้างประโยชน์ทั้งต่อองค์กรและพนักงาน
สำหรับลูกจ้าง การย้ายตำแหน่งอาจเป็นโอกาสในการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ แต่หากรู้สึกว่าได้รับผลกระทบ ควรดำเนินการตามคำแนะนำที่กล่าวถึงข้างต้นเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง