ไขข้อสงสัย! อาชีพอิสระต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 3% อย่างไร?

อาชีพอิสระ จัดเป็นอาชีพเงินได้ประเภทที่ 6 เป็นอาชีพที่มีความอิสระจากบริษัทใดๆ แต่ก็ยังมีภาระหน้าที่ในการเสียภาษีและการจัดการค่าใช้จ่ายในรูปแบบเฉพาะตัว บทความนี้จะช่วยสรุปวิธีการคำนวณภาษีของอาชีพอิสระ การหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% โดยผู้จ้าง และวิธีหักค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม

อาชีพอิสระคืออะไร?

อาชีพอิสระจัดอยู่ในประเภทเงินได้ 40(6) ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดา โดยรายได้จะขึ้นอยู่กับปริมาณงานหรือความซับซ้อนของงานที่รับทำ เช่นเดียวกับอาชีพฟรีแลนซ์ อาชีพอิสระมีความเป็นยืดหยุ่นในการทำงาน แต่ต้องได้รับใบประกอบวิชาชีพเฉพาะที่ถูกกำหนดตามกฎหมาย ตัวอย่างของวิชาชีพอิสระ ได้แก่

  • แพทย์และพยาบาล – เช่น แพทย์แผนปัจจุบัน ทันตแพทย์ กายภาพบำบัด
  • ประณีตศิลป์ – งานปั้น งานหล่อ
  • สถาปนิก – งานออกแบบอาคาร
  • วิศวกร – งานออกแบบวิศวกรรม
  • นักบัญชี – งานตรวจสอบบัญชี
  • ทนายความ – การว่าความหรือเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย

การหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% และการเสียภาษีบุคคลธรรมดาประจำปี

สำหรับผู้จ้างงานอาชีพอิสระ จะต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% จากค่าตอบแทน โดยพนักงานอิสระมีหน้าที่เสียภาษีประจำปีในอัตราเดียวกับผู้มีรายได้ประจำ

ความแตกต่างระหว่างวิชาชีพอิสระกับฟรีแลนซ์

วิชาชีพอิสระและฟรีแลนซ์มีความคล้ายคลึงกันในแง่ของความเป็นอิสระในการทำงาน แต่สิ่งที่ต่างกันคือวิชาชีพอิสระต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเฉพาะ ขณะที่ฟรีแลนซ์ไม่มีข้อกำหนดในการขอใบอนุญาตนี้

การหักค่าใช้จ่ายสำหรับวิชาชีพอิสระ

ผู้ที่มีรายได้จากวิชาชีพอิสระสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้สองรูปแบบ คือหักตามจริงหรือหักแบบเหมารวม โดยไม่มีข้อกำหนดเรื่องหลักฐานค่าใช้จ่าย:

  1. หักค่าใช้จ่ายตามจริง สำหรับผู้ที่มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก การหักค่าใช้จ่ายตามจริงเป็นทางเลือกที่ดี แต่ต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่ายที่ครบถ้วน
  2. หักค่าใช้จ่ายตามจริง ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ ดังนี้:
    • วิชาชีพการแพทย์และการประกอบโรคศิลปะ หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 60%
    • วิชาชีพอิสระอื่น ๆ เช่น กฎหมาย สถาปัตยกรรม วิศวกรรม บัญชี สามารถหักได้ 30%

สรุป

การจัดการภาษีและค่าใช้จ่ายเป็นส่วนสำคัญของการทำงานในวิชาชีพอิสระ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย

ที่มา TaxBugnoms