เงินอะไรบ้างที่ถือว่าเป็นค่าจ้าง? คู่มือสำคัญสำหรับ HR
เมื่อพนักงานประสบอุบัติเหตุและต้องลาป่วยยาวเกิน 30 วัน คำถามที่เกิดขึ้นในวงการ HR นายจ้างสามารถเลิกจ้าง ลูกจ้างทันทีเลยได้ไหม วันนี้น้องบีพลัสจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ของทั้งลูกจ้างและนายจ้างในกรณีดังกล่าว พร้อมชี้ให้เห็นถึงแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน
ความหมายของค่าจ้างตามกฎหมาย
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 5 “ค่าจ้าง” หมายถึงเงินที่นายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าตอบแทนการทำงานในระยะเวลาปกติ เช่น รายชั่วโมง รายวัน รายเดือน หรือคำนวณตามผลงานที่ทำได้ในเวลาปกติของวันทำงาน รวมถึงเงินที่นายจ้างจ่ายให้ในวันหยุดหรือวันลาที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานแต่มีสิทธิได้รับตามกฎหมาย
เงินประเภทใดที่ถือว่าเป็นค่าจ้าง?
เงินที่ถือว่าเป็นค่าจ้าง
1. เงินเดือน – เงินที่นายจ้างจ่ายเป็นค่าตอบแทนรายเดือน
2. ค่าคอมมิชชั่น – หากเป็นค่าคอมมิชชั่นประจำเดือนที่คำนวณตามจำนวนที่ขายได้
3. เบี้ยเลี้ยงที่จ่ายประจำ – เช่น เบี้ยเลี้ยงที่กำหนดไว้ว่าจะจ่ายทุกเดือนโดยไม่มีเงื่อนไข
4. ค่าจ้างในวันหยุดหรือวันลา – เช่น วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันลาป่วย
เงินที่ไม่ถือว่าเป็นค่าจ้าง
1. เงินสวัสดิการ – เช่น ค่าอาหาร ค่าเช่าที่พัก ค่าเครื่องแบบ
2. เงินจูงใจ – เช่น เบี้ยขยันที่มีเงื่อนไขการได้รับ
3. ค่าล่วงเวลา (OT) – เงินค่าตอบแทนที่จ่ายสำหรับการทำงานนอกเวลา
4. เงินโบนัส – ถือว่าเป็นสวัสดิการ ไม่ใช่ค่าจ้าง
5. ค่าชดเชยการเลิกจ้าง – เงินที่จ่ายเมื่อลูกจ้างออกจากงาน
6. ค่าน้ำมันหรือค่าเดินทางที่จ่ายตามจริง – ต้องมีใบเสร็จยืนยัน
ค่าจ้างสำหรับภาษีกับค่าจ้างสำหรับประกันสังคมต่างกันอย่างไร?
1.ค่าจ้างสำหรับภาษี
คำนวณรวมทุกอย่างที่นายจ้างจ่ายให้ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำมันรถ โอที หรือเบี้ยเลี้ยง
2.ค่าจ้างสำหรับประกันสังคม
คำนวณเฉพาะเงินได้ประจำ เช่น เงินเดือน ค่าคอมมิชชั่นที่ให้เป็นประจำทุกเดือน เบี้ยเลี้ยงที่ไม่มีเงื่อนไข
ตัวอย่างการพิจารณาเบี้ยขยันและค่าน้ำมัน
1. เบี้ยขยัน
o หากจ่ายประจำทุกเดือน เช่น เดือนละ 500 บาท ถือว่าเป็นค่าจ้าง
o หากมีเงื่อนไข เช่น ต้องไม่ขาดงานหรือไม่มาสาย ไม่ถือว่าเป็นค่าจ้าง
2. ค่าน้ำมัน
o หากจ่ายเท่ากันทุกเดือนโดยไม่มีใบเสร็จ ถือว่าเป็นค่าจ้าง
o หากจ่ายตามใบเสร็จหรือใช้จริง ไม่ถือว่าเป็นค่าจ้าง
แนวทางปฏิบัติสำหรับ HR
HR ควรออกระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับเงื่อนไขการจ่ายเงิน เช่น เบี้ยขยันหรือค่าเบี้ยเลี้ยง เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสามารถยืนยันกับหน่วยงานราชการได้ กำหนดว่าใครมีสิทธิได้รับ ต้องปฏิบัติอย่างไร และมีข้อยกเว้นใดบ้าง เพื่อให้การจัดการเป็นไปอย่างโปร่งใสและลดความเสี่ยงทางกฎหมาย
สรุป
การทำความเข้าใจว่าเงินประเภทใดเป็นค่าจ้างหรือไม่เป็นค่าจ้างมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการงาน HR ทั้งในเรื่องการจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ภาษี และค่าชดเชย เพื่อให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและลดปัญหาข้อพิพาททางแรงงาน HR ควรมีความชัดเจนในนโยบายและจัดเก็บหลักฐานอย่างเป็นระบบ
ที่มา JOBBKK.com
เพื่อให้งาน HR มีความแม่นยำและลดความซับซ้อนในการจัดการข้อมูลค่าจ้าง การใช้ โปรแกรมเงินเดือน ที่รองรับการคำนวณค่าจ้างแบบครบวงจรจึงเป็นทางเลือกที่ดี ช่วยประมวลผลค่าจ้างได้อย่างถูกต้องและเชื่อมโยงกับ โปรแกรมลาออนไลน์ เพื่อบันทึกและติดตามข้อมูลการลาของพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ระบบที่เชื่อมโยงกันจะช่วยให้ HR ลดความยุ่งยากในการจัดการเอกสารและทำงานได้รวดเร็วขึ้นในทุกกระบวนการ